หน้าเว็บ

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553


Blu-ray เทคโนโลยีแสงสีฟ้าเพื่อโลกบันเทิง
 
ในตอนที่แผ่นดีวีดีถือ กำเนิดขึ้นมาเมื่อ .. 2540 คนรักหนัง ชอบหนัง ต่างก็ครางฮือกับความคมชัดของภาพที่ได้จากแผ่นดีวีดีเมื่อเทียบกับแผ่นวีซี ดีกันไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ความพอใจไม่ได้หยุดลงเพียงแค่นั้น ทุกคนต่างรอคอยเทคโนโลยีสำหรับภาพและเสียงแบบคมชัดสูงกันมาตลอด

จนกระทั่ง .. 2549 อุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็มีโอกาสต้อนรับสิ่งที่รอคอยนั้น เมื่อมีการเปิดตัวสื่อเก็บข้อมูลขนาดความจุสูงออกมา สื่อชนิดนี้ยังคงเป็นแผ่นจานกลมๆ เช่นเดียวกับ  ดีวีดี แต่อาศัยเทคโนโลยีอ่าน-เขียนข้อมูลที่ต่างไป แผ่นเก็บข้อมูลนี้คือ Blu-ray ซึ่งเก็บภาพและเสียงความคมชัดสูงได้มาก รวมไปถึงข้อมูลดิจิทัลอื่นๆ
           
ลองหยิบแผ่นจานเก็บข้อมูลพวกนี้ขึ้นมาดูก็จะพบว่า แผ่นซีดีธรรมดามีความจุเพียง 700 เมกะไบต์ ส่วนแผ่นดีวีดี แบบชั้นเดียวมีความจุ 4.7 กิกะไบต์ แต่แผ่น Blu-ray ชั้นเดียวนั้นเก็บข้อมูลได้มากถึง 27 กิกะไบต์ พื้นที่เก็บข้อมูลที่มากกว่ากันขนาดนี้ทำให้แผ่น Blu-ray เหมาะกับการบันทึกภาพยนตร์ คมชัดสูง(high-definition movie) ซึ่งให้ภาพที่คมใสกว่าหนังจากดีวีดีมากมาย

           
อันที่จริงแล้ว ด้วยความที่หนังแบบคมชัดสูงนั้นต้องการความกว้างแถบความถี่หรือแบนด์วิดท์ ข้อมูลมากกว่าหนังปกติถึงห้าเท่า ทำให้ต้องหาสื่อเก็บข้อมูลที่จุมากกว่าที่เคยมีอยู่เดิมห้าเท่าด้วยเช่นกัน ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์รวมทั้งภาพยนตร์ก็ มุ่งไปสู่ทิศทางนี้ ผู้ชมตามบ้านทั่วไปเลยต้องมีอุปกรณ์เฉพาะสำหรับระบบนี้ด้วยเช่นกัน

           
และในวันนี้ หากเราเดินเข้าร้านขายดีวีดีก็จะเริ่มพบหนังโรงที่ออกขายในรูปแบบของ Blu-ray กันมากขึ้นแล้ว แม้ราคาจะยังค่อนข้างสูงอยู่ เครื่องเล่นก็ต้องเป็นเครื่องเฉพาะ แต่อีกไม่นานแผ่น Blu-ray ก็คงจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการรับชมภาพยนตร์ตามบ้าน เมื่อเป็นเช่นนี้ เราลองมาทำความรู้จักกับเจ้า Blu-ray นี้กันดีกว่า

สิ่งที่เรียกว่า Blu-ray

       
     ชื่อเต็มๆ อย่างเป็นทางการของแผ่น Blu-ray ตามที่ จดเครื่องหมายการค้าไว้ก็คือ Blu-rayDisc และอาจเรียกว่า BD ชื่อของสื่อเก็บข้อมูลนี้มาจากเทคโนโลยีเชิงแสงที่ใช้ในการ  เขียน-อ่านข้อมูลที่อาศัยแสงสีน้ำเงินม่วง และเลือกสีน้ำเงิน มาเป็นชื่อสีเดียว โดยตัดตัวอักษร e ในคำว่า blue ออกไปเนื่องจากชื่อสามัญเอามาจดเครื่องหมายการค้าไม่ได้ ก็เลยได้ชื่อเป็น Blu-rayDisc การเขียนที่ถูกต้องคือใช้ B ตัวใหญ่ในคำแรก และใช้ตัวเล็กในคำว่า ray ทั้งคำ

           
นอกจากแผ่น Blu-ray จะใช้เก็บข้อมูลภาพและเสียง   ดิจิทัลแล้ว ก็ยังเก็บข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้เหมือนแผ่นซีดีหรือดีวีดีทั่วไป แต่สิ่งที่เหนือกว่าก็คือ ปริมาณข้อมูลที่แผ่น Blu-ray จะเก็บได้
           
แผ่น Blu-ray แบบชั้นเดียว มีขนาดแผ่นเท่ากับดีวีดีเก็บข้อมูลได้ 27 กิกะไบต์ เท่ากับเก็บหนังคมชัดสูงได้มากกว่าสองชั่วโมง หรือถ้าเก็บหนังปกติก็จะได้ราว 13 ชั่วโมง (หรือเท่ากับหกถึงแปดเรื่อง)
           
แผ่น Blu-ray แบบสองชั้น เก็บข้อมูลได้ 50 กิกะไบต์ เท่ากับเก็บหนังคมชัดสูงได้ราว 4.5 ชั่วโมง หรือถ้าเก็บหนังปกติก็จะเก็บได้ยาวกว่า 20 ชั่วโมง
             
นอก จาก Blu-ray จะโดดเด่นด้านความจุข้อมูลแล้ว Blu-ray ยังเสริมการโต้ตอบให้กับผู้ใช้เพิ่มขึ้นด้วย สิ่งที่ผู้ใช้จะได้รับจาก Blu-ray ก็คือ

           
อัดรายการโทรทัศน์แบบความคมชัดสูงโดยไม่สูญเสีย คุณภาพ
           
กระโดดข้ามไปยังจุดใดๆ ก็ได้ในแผ่น
           
อัดรายการอื่นขณะที่กำลังดูอีกรายการบนแผ่นพร้อมๆ กัน
           
สร้างรายการเล่น
           
แก้ไขหรือเปลี่ยนลำดับรายการที่บันทึกไว้บนแผ่นได้
           
ค้นหาพื้นที่ว่างในแผ่นได้ ทำให้หลีกเลี่ยงการอัดทับรายการที่บันทึกไว้ก่อน
           
ต่อเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อดึงข้อมูลต่างๆ เช่น คำบรรยาย หรือตัวอย่างหนัง
           
สิ่งต่างๆ ที่ Blu-ray ทำได้นี้ เริ่มต้นมาจากการสร้างสื่อเก็บข้อมูลที่จุได้มากขึ้น ในหัวข้อต่อไป เราจะมาเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อการนี้กัน

อำนาจแห่งแสงสีน้ำเงิน



           
แผ่นดิสก์
            อีกปัญหาหนึ่งก็คือ ถ้าผิวหน้าของแผ่นดิสก์ไม่เรียบ ก็ส่งผลให้ลำเลเซอร์บิดเบี้ยวจนอ่านข้อมูลไม่ได้อีกเช่นกัน นี่เป็นอุปสรรคที่พบในแผ่นดีวีดี และแน่นอน พระเอก Blu-ray ของ เราก็จัดการกับปัญหานี้ด้วยวิธีที่ต่างออกไป

           
แทนที่จะใส่สอดชั้นข้อมูลไว้ตรงกลางระหว่างชั้นพอลิคาร์บอเนตสองชั้น ผู้ผลิต Blu-ray เลือกวางชั้นข้อมูลไว้บนสุดเหนือชั้นพอลิคาร์บอเนตที่หนา 1.1 มิลลิเมตร เมื่อชั้นข้อมูลอยู่บนสุดก็จะตัดปัญหาแสงเลเซอร์หักเห บิดเบี้ยว อ่านข้อมูลไม่ได้ออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ ต้องมีวิธีป้องกันชั้นข้อมูลเสียหาย เพราะตอนนี้ชั้นข้อมูลอยู่ชิดผิวนอกของแผ่นเลย
           
ดังนั้นจึงมีการคิดค้นสารเคลือบผิวที่ทนทานขึ้นมาเคลือบ ด้านนอกของแผ่น Blu-ray โดยเฉพาะ เป็นการป้องกันแผ่นเสียหายทั้งจากรอยคราบนิ้วมือ และรอยขีดข่วนที่เราพบเห็นได้บ่อยๆ ในแผ่นดีวีดี สารเคลือบนี้มีคุณภาพสูงจนเราไม่จำเป็นต้องเก็บแผ่น Blu-ray ไว้ในกล่องใส่เลย



            สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การออกแบบแผ่น Blu-ray แบบนี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิตแผ่น Blu-ray ถ้าเทียบ กับแผ่นดีวีดีแล้ว จะต้องหล่อชั้นพอลิคาร์บอเนตสองชั้น สอดชั้นข้อมูลไว้ตรงกลาง และติดชั้นพอลิคาร์บอเนตทั้งสองเข้าด้วยกัน
           
แต่แผ่น Blu-ray นั้นหล่อชั้นพอลิคาร์บอเนตเพียงชั้นเดียว ตรงนี้เป็นการลด ต้นทุนลง แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนของสารเคลือบผิว ผลลัพธ์สุดท้ายจึงทำให้ราคาของแผ่น Blu-ray ไม่มากกว่าราคาของแผ่นดีวีดีทั่วไปเลย (แล้วที่ราคาแผ่น Blu-ray ตอนนี้สูงกว่าดีวีดีล่ะ หมายความว่าไง?)
           
แผ่น Blu-ray ยังมีข้อเด่นอีกอย่างคืออ่านข้อมูลได้เร็วขึ้น คือ อ่านข้อมูลได้ถึง 50 เมกะบิตต่อวินาที ในขณะที่แผ่นดีวีดีอ่านข้อมูลได้ที่อัตรา 10 เมกะบิตต่อวินาที เราบันทึกข้อมูลขนาด 27 กิกะไบต์ลงแผ่น Blu-ray ได้ในเวลาชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น



เจาะทีเด็ดทั้งเจ็ด
           
ตอนนี้เรารู้จัก Blu-ray กันพอสมควรแล้ว ทั้งยังทราบข้อเด่นของ Blu-ray กันไปบางส่วน ทีนี้ก็จะลงไปดูที  เด็ดของ Blu-ray กันอีกสักครั้ง ทีเด็ดนี้มีอยู่เจ็ดประเด็นด้วยกัน

           
ภาพสุดเฉียบหกเท่าของดีวีดีในโลกดิจิทัล คุณภาพของภาพจะขึ้นอยู่กับบิตเรตของข้อมูล (บิตเรต หรือ bit rate เป็นจำนวนข้อมูลที่ประมวลผลได้ภายในหนึ่งหน่วยเวลา) ในกรณีของดีวีดีจะมีบิตเรตที่ 8 Mbps (เมกะบิตต่อวินาที) สำหรับการออกอากาศโทรทัศน์ความคมชัดสูงอาจจะมีบิตเรตที่ 15 Mbps แต่สำหรับ Blu-ray จะมีบิตเรตถึง 54  Mbps ซึ่งสูงกว่าเห็นๆ เท่านี้ยังไม่พอ ภาพจาก Blu-ray มีความละเอียดถึง 1,080p (1,920x1,080 จุด) ทำให้ Blu-ray เป็นสื่อบันเทิงภายในบ้านที่ดีที่สุดในเวลานี้

           
ระบบเสียงเสนาะหูรอบทิศทางเสียงที่ได้จาก Blu-ray   ให้ความสมจริงกว่าด้วยระบบเสียงเซอร์ราวด์ความละเอียดสูงรอบทิศทาง 7.1 แชนเนล ทำให้เราได้รับประสบการณ์การฟังที่สุดยอด Blu-ray จะนำวิดีโอคอนเสิร์ต และเอ็มวีมาไว้ในห้องของเรา
           
ความจุที่เหนือกว่า คือภาพและเสียงที่ดีกว่า เวลานี้ Blu-ray เป็นสื่อบันทึกข้อมูลที่มีความจุมากที่สุดในตลาด  โดยไม่ต้องลดระดับคุณภาพของข้อมูลลง เลเซอร์สีน้ำเงินช่วยให้แผ่น Blu-ray เก็บข้อมูลได้ถึง 50 กิกะไบต์ เท่ากับห้าเท่าของแผ่นดีวีดีปัจจุบัน
           
ปฏิสัมพันธ์ที่ไม่เคยพบชุดอุปกรณ์สำหรับ Blu-ray ที่ผนวกเอาเกมโบนัสพิเศษแบบคมชัดจนน่าตกใจ และ BD-Live สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้เราสัมผัสกับเนื้อหาแบบ สดใหม่ และเป็นแพ็กเกจมาในแผ่นได้ ขณะที่กำลังชมภาพยนตร์ในแผ่นอยู่ เราก็ดึงข้อมูลล่าสุดที่เกี่ยวข้องจากอินเทอร์เน็ต หรืออยากเอนหลังดูหนังอย่างเดียวก็เพียงเลือกฉากที่ต้องการ ชมได้จากเมนูที่กระเด้งขึ้นมาก็ได้
           
เลือกได้หลากหลายแผ่น Blu-ray นั้นเกิดขึ้นมาจากการสนับสนุนของบริษัทต่างๆ มากมายต่างจากสื่อชนิดอื่น ผู้สนับสนุน Blu-ray มีทั้งบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทเกม บริษัทคอมพิวเตอร์ ผู้ประกอบการด้านเพลง ภาพยนตร์ รวมไปถึงสตูดิโอฮอลลีวูด รวมๆ แล้วกว่า 170 บริษัทที่โดดเข้ามาอุ้ม Blu-ray ตั้งแต่เริ่ม ทำให้ผู้ใช้อย่างเรามีสินค้าให้เลือกใช้มากมาย

           
ได้ใหม่ไม่ลืมเก่า เมื่อเราตัดสินใจร่วมหอลงโรงกับ  Blu-ray ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องตัดขาดจากสื่อข้อมูลเดิมๆ ที่เราอุตส่าห์สะสมมา แผ่น Blu-ray มีขนาด แปด และ 12 เซนติเมตรเหมือนแผ่นซีดีและดีวีดี ทำให้เครื่องเล่น Blu-ray ยังคงเล่นแผ่นซีดีและดีวีดีของเราได้ นี่เป็นกลยุทธ์เด็ดประการหนึ่งของ Blu-ray ที่ยังคงรองรับสื่อเดิมได้ ทำให้คนตัดสินใจใช้ Blu-ray ได้อย่างไม่ต้องลังเล(เว้นแต่เรื่องเงินตั้งต้นตอนซื้อเครื่อง!)

           
ความยืดหยุ่นไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เพลง เกม ซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์หรือข้อมูลที่จะเก็บ ก็ใช้ Blu-ray ระบบเดียวได้ทั้งหมด แผ่น Blu-ray ผลิตออกมารองรับรูปแบบการใช้งานครอบคลุม ทั้งแผ่นที่บันทึกมาให้แล้ว (BD-Rom) แผ่นที่คุณจะเอามาบันทึกเอง(BD-R) แผ่นที่เขียนซ้ำแล้วซ้ำอีก(BD-RE) ซึ่งล้วนแล้วแต่ผ่านการตรวจรับรองแล้วจากบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำเกี่ยวกับการ บันทึกข้อมูล ทำให้ผู้ใช้อย่างเรา เลือกใช้เทคโนโลยี Blu-ray ในเครื่องเล่น Blu-ray ที่ห้องนั่ง  เล่นหรือเลือกใช้แผ่น Blu-ray ที่ไรต์เอง เล่นเกมในแผ่น Blu-ray ด้วยเครื่องอ่าน Blu-ray ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเรา

           
ด้วยความพิเศษที่เหนือกว่าของ Blu-ray นี้ คงทำให้บรรดาผู้ใช้ตื่นตัว และเตรียมพร้อมรับมือกับความบันเทิงที่กำลังรออยู่หน้าประตูบ้านของเราต้อง มีอะไรบ้าง

            เราอาจจะเห็นสิ่งโดดเด่นที่เราจะได้เมื่อหันไปใช้ Blu-ray กันแล้ว คำถามที่ตามมาก็คือจะต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อที่จะดูสื่อที่บันทึกใน Blu-ray ได้ หรือจะต้องมีอะไรบ้างเพื่อจะดูหนังใน Blu-ray สักเรื่องหนึ่ง
           
ระบบ Blu-ray เป็นระบบใหม่ ทำให้เราต้องอาศัยอุปกรณ์ใหม่ที่รองรับระบบนี้ เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดจาก Blu-ray สำหรับระบบความบันเทิงในบ้านของเราต้องการอุปกรณ์ดังนี้
           
เครื่องเล่น Blu-ray โดยเฉพาะ ทั้งนี้เพราะเครื่องเล่นวีซีดีหรือดีวีดีเครื่องเดิมของเราไม่อาจเล่นแผ่น Blu-ray ได้  เราต้องมีเครื่องเล่น Blu-ray เครื่องใหม่ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายค่ายวางขายอยู่ในบ้านเราและมีหลายระดับราคา
           
โทรทัศน์แบบ HDTV ซึ่ง มีความละเอียด 720p, 1080i เป็นอย่างน้อย(ตัวเลขนี้ดูจากสเปกของโทรทัศน์ได้โดยตรง ตัวเลข 720p หมายถึง โทรทัศน์มีจำนวนจุดภาพเป็น 1,280 x720 ส่วน 1080i คือ 1,920x1,080 จุด) เนื่องจากคุณภาพของภาพจากแผ่น Blu-ray คือภาพแบบความคมชัดสูง ถ้าเราใช้โทรทัศน์ธรรมดาแบบเดิมๆ นั้น เราจะไม่ได้รับอรรถรสเต็มที่
           
ระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 แชนเนลหรือถ้าจะให้ดีก็ควรเป็น 7.1 แชนเนล
           
สายต่อแบบ HDMI ซึ่งเป็นสายเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ออกแบบให้ส่งข้อมูลภาพความคมชัดสูงโดยไม่ ต้องบีดอัดและส่งข้อมูลเสียงดิจิทัลหลายแชนเนลได้ด้วยสายเคเบิลเส้นเดียวไป ยังอุปกรณ์อื่นๆ
           
สายส่งสัญญาณแอนาล็อกคุณภาพสูงหรือสายนำสัญญาณแสงแบบดิจิทัล
           
ที่กล่าวมานั้นเป็นระบบพื้นฐานที่ควรมีเพื่อให้ได้อรรถรสของ Blu-ray ที่เหมาะสม นอกจากนี้ระบบ Blu-ray ยังมีสิ่ง ที่เรียกว่า BD-Live ซึ่งเป็นเนื้อหาพิเศษที่ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์ได้ ในระบบออนไลน์ซึ่งผู้ผลิตแผ่น Blu-ray จะเลือกใส่เข้ามาให้ ผู้ชมได้รับประสบการณ์ความบันเทิงอย่างที่สุด

            BD-Live
ช่วยให้ผู้ชมเข้าอินเทอร์เน็ตไปยังเว็บไซต์ที่ สตูดิโอภาพยนตร์เตรียมไว้เป็นพิเศษ ทำให้เราเลือกดาวน์โหลดตัวอย่างหนัง เล่นเกมที่เกี่ยวกับหนัง คุยหรือเล่นเกมออนไลน์กับผู้เล่นคนอื่นได้อีกด้วย
             การจะใช้ความสามารถนี้ เครื่องเล่น Blu-ray จะต้องมีพอร์ตอีเทอร์เน็ต เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและตัวแผ่น Blu-ray เองก็ต้องมี BD-Live ด้วย และต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่ใช่ว่าเครื่องเล่น Blu-ray ทุกเครื่องที่จะใช้ BD-Live ได้ ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบสมบัตินี้ของเครื่อง ถ้าจะว่าไปแล้ว คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องเล่น Blu-ray ที่ดีมากในการใช้ BD-Live เพราะมีระบบอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว และมีอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้ระบบปฏิสัมพันธ์หลายอย่าง ซึ่งคอมพิวเตอร์เองยังช่วยให้เราไรต์แผ่นได้สะดวก เชื่อมต่อออกระบบภาพยนตร์ภายในบ้านได้ และถ้าเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กก็จะช่วยให้เราดูหนัง Blu-ray ได้ทุกที่เลยทีเดียวและก็เช่นเดียวกัน คอมพิวเตอร์ของเราก็ต้องรองรับระบบ Blu-ray ด้วย นั่นคือต้องมีจอความคมชัดสูง(ความละเอียด 1,920x1,080 หรือ 1,920x1,200) ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อ HDMI มีไดรว์ Blu-ray รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่เล่นแผ่น Blu-ray ได้(รวมไปถึงซอฟต์แวร์ในการเขียนแผ่นหรือปรับแต่งหนังความคมชัดสูง) และต้องมีโพรเซสเซอร์ที่รองรับบิตเรตสูงของภาพคมชัดสูงได้สุดท้ายก็คือระบบ เสียงที่เหมาะสม

เราตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของเราว่ารองรับระบบ Blu-ray หรือไม่ ได้จากเว็บไซต์เหล่านี้
http://www.cyberlink.com/stat/bd-support/enu/index.jsp
http://www.corel.com/servlet/Satellite/us/en/Content/1193332030582
http://www.arcsoft.com/intouch/bdadvisor

มาตรฐานของวันหน้า
           
กว่าที่ Blu-ray จะมาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องผ่านการต่อสู้กับระบบอื่น ตั้งแต่เรามีดีวีดีใช้ก็มีความคิดถึงระบบภาพที่คมชัดสูงมาตลอด และมีการคิดค้นระบบต่างๆ ออกมา สุดท้ายแล้ว Blu-ray ก็เบียดเอาชนะแทรกตัวเข้ามาจนได้ และก็มีคนตอบรับ Blu-ray กันอย่างรวดเร็วในจำนวนไม่ใช่น้อย

           
คนส่วนมากอาจจะยังคงพอใจกับภาพยนตร์ในรูปแบบดีวีดีอยู่(หรือจะว่าไปแล้ว วีซีดีก็ยังคงมีตลาดใหญ่อยู่ดี) แต่อีกไม่นาน ราคาเครื่องเล่น Blu-ray ก็จะถูกลงมาจนไม่ห่างจากราคาเครื่องเล่นดีวีดีนัก แม้กระทั่งโทรทัศน์ความคมชัดสูงเองก็เช่นกัน ทั้งนี้เพราะถนนแห่งโลกบันเทิงต่างตัดตรงไปสู่ Blu-ray จึงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ว่าเทคโนโลยีนี้จะกลายมาเป็นบรรทัดฐาน เป็นมาตรฐานได้ในไม่ช้านี้

           
และเมื่อวันนั้นมาถึงพวกเราก็คงจะได้หรรษาบันเทิง และซึมซับประสบการณ์ใหม่ในโลกดิจิทัล เราจะนั่งอยู่ในบ้านและอิ่มเอมไปกับภาพยนตร์สามมิติที่สมจริง คมชัดราวกับอยู่ในเหตุการณ์นั้นทั้งหมดนี้กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยเทคโนโลยีแสงสีฟ้าที่เกิดขึ้นด้วยมันสมองของผู้หลงใหลโลกบันเทิงนี้เอง
ที่มา www.vcharkarn.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น